วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จันทรเกษมโบราณ แห่งกรุงศรีอยุธยา



พระราชวังจันทรเกษม แห่งกรุงศรีอยุธยา

พระราชวังจันทร์เกษม แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระราชวังโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก
ในอดีตพระราชวังจันทร์เกษม คือ “วังหน้า” ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งปรากฏหลักฐานตามพระราชพงศาวดาร
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ประมาณ พ.ศ.2120
โดยมีพระราชประสงค์ เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ครั้งดำรงพระยศพระมหาอุปราช)

พระราชวัง จันทร์เกษมนี้ ฝีนอดีตยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญอีก 7 พระองค์คือ สมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ
สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และ กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์

ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310
พระราชวังจันทร์เกษมลูกเผาทำลายวอดวายจึงได้ถูกทิ้งร้างไป
จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
จึงได้มีการบูรณะปรับปรุง ซ่อมแซมพระราชวังขึ้นใหม่
เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับ ในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา

สิ่งก่อสร้างภายในพระราชวังนี้มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปีแล้ว
และเพราะความเก่าแก่โบร่ำโบราณของพระราชวังเก่าแห่งนี้
จึงเป็นที่มาของเรื่องราวอาถรรพ์ เป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด

พระราชวังจันทรเกษมในสมัยหลังๆ
มักใช้เป็นที่พักของเหล่านักโบราณคดี ข้าราชการกรมศิลปากร
ที่ต้องเดินทางไปสำรวจขุดค้นโบราณสถาน ภูายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หรือแม้กระทั่งเวลา “รับน้อง” คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
หลายคนก็จะเจอะเจอเรื่องแปลกๆ เอามาเล่ากันอยู่เรื่อยๆ

มีเรื่องที่เล่าสู่กันฟังถึงรุ่นพี่นักโบราณคดีคนหนึ่ง
รุ่นพี่คนนี้ก็ได้ไปใช้ชีวิตทำงานอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และได้พักอยู่ที่พระราชวังจันทรเกษม เป็นการชั่วคราว ในหมู่พระที่นั่งพิมานรัตยา
คืนหนึ่งหลังจากแสร็จงานสำรวจที่วัดราชบูรณะ

รุ่นพี่และกลุ่มเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ก็พากันไปหาเหล้าดื่มกันที่ตลาดหัวรอ
ข้างพระราชวังจันทรเกษม จนเริ่มเมาจึงพากันกลับเข้าวัง
เดินกอดคออ้อๆ แอ้ๆ เก้ๆ กังๆ
ส่งเสียงดังชนิดไม่สำรวมกิริยามารยาทเข้ามาข้างใน
ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ไม่เคารพต่อสถานที่

และก่อนที่กลุ่มคนเมา จะเดินมาถึงพระที่นั่งวิมานรัตยานั้น
ก็มีบางคนเอ่ยชวนให้ไปยืนตากลมชมวิวกันบนหอพิสัยสัญลักษณ์
เผื่อว่าลมพัดเย็นๆ จะช่วยให้สร่างเมาได้บ้าง

เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน จึงพากันเดินโงนเงนไปที่หอสูงแห่งนี้
ซึ่งตามประวัตินั้น หอแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แล้วมาถูกทำลายพังยับเยินเมื่อคราวเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2
แต่ต่อมารัชกาลที่ 4 ท่านทรงโปรดฯให้สร้างใหม่ตามแบบศิลปะเดิมตามรากฐานเก่า
เพื่อใช้เป็นหอส่องกล้องทอดพระเนตรดวงดารา

กลุ่มคนเมาเดินมาหยุดนั่งพักก่อนที่จะถึงหอสูง
เมื่อทุกคนกวดสายตามองไปยังบริเวณด้านล่างของหอสูง
แต่ละคนก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ
เพราะที่บริเวณนั้นปรากฏร่างเป็นเงาตะคุ่มๆ ของใครก็ไม่ทราบหลายคนปรากฏอยู่
และกลุ่มคนพวกนี้ก็กำลังเดินใกล้เข้ามาหาพวกขี้เมาเสียด้วย
และยิ่งใกล้เข้ามาชิดตัวก็ยิ่งน่าตกใจ
เพราะแต่ละร่างที่เดินประดาหน้าเข้ามานั้น
มีเพียงส่วนท่อนบนเท่านั้น ร่างกายท่อนล่างไม่มี
ผู้ที่พบเหตุการณ์สยองขวัญบางคนถึงกับก้าวขาไม่ออก ยืนตัวสั่นอยู่กับที่
หายเมาเป็นปลิดทิ้ง
ทุกคนเจอผีเข้าแล้ว!!!

แต่มีอยู่คนหนึ่งใจกล้า ใช้ไฟฉายที่ถือมาส่องไปยังร่างเหล่านั้น
ซึ่งยิ่งส่องก็ยิ่งเห็นความน่าเกลียดน่ากลัว
เพราะเขาเห็นร่างกายส่วนที่ขาดตั้งแต่บั้นเอวลงไปนั้น
ขาดกระรุ่งกระริ่งไม่มีชิ้นดี
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ทุกคนจึงรีบหมุนตัวกลับวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

ตกลงคืนนั้นไม่มีใครข่มตาหลับได้ลงสักคน
เพราะภาพที่เห็นมันสุดจะบรรยาย
แต่ก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่า นี่คงจะเป็นการลงโทษของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เจ้าที่เจ้าทางที่คุ้มครองรักษาพระราชวังสถานที่แห่งนี้
เพราะเขาคงไม่ชอบให้ใครมาเกะกะ ทำตัวไม่เคารพสถานที่
ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของอดีตวีรกษัตริย์และเจ้านายหลายๆพระองค์
การมาปรากฏเช่นนี้ ก็คงเป็นการลงโทษสถานเบาให้หลาบจำ

ด้วยเหตุนี้ หลังจากคืนนั้นแล้วกลุ่มนักโบราณคดีและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร
ที่ได้เผชิญเหตุการณ์สยองขวัญจึงได้นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป
มารับประเคนภัตตาหารและถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
ไปให้กับดวงวิญญาณทุกดวงในพระราชวังจันทรเกษม
เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสถานที่
เรื่องการพบเห็นดวงวิญญาณที่วังโบราณนี้ยังมีเล่ากันต่อมาเรื่อยๆ
ในรูปแบบต่างๆ
โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่ไปรับน้องที่นั่นก็มักจะเจอกันทุกปีค่ะ

/////////////////////////////////////////////////.
ว่าไม่ได้นะคะ เรื่องราวของพระราชวังโบราณทุกที่ เจ้านายเดิม ข้าหลวง ทหารรักษาวังบางคน
ดวงวิญญาณอาจะยังคงปกปักษ์รักษาสิ่งของสำคัญบางอย่าง
ตามพัธะสัญญาที่เคยใหเแก่กันไว้

เพื่อนๆเวลาไปวังที่ไหน การสำรวมกิริยามารยาท น้องเงือกเหม็ดคิดว่าสำคัญมากเลยล่ะค่ะ
เป็นการให้เกียรติตัวเอง และให้เกียรติสถานที่ด้วยในตัวนะคะ
ภูตผีวิญญาณเห็น ท่านก็คงไม่มาเขม่นเราเอาน่ะค่ะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น