วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สนม นางใน หม่อมห้าม คนเดิมยังอยู่


"เรื่องลี้ลับชาววัง" ที่เคยเป็นเรื่องเล่าในสมัยก่อนก็ยังไม่จางหายไป ยังคงเล่าสืบทอดมายังรุ่นสู่รุ่น
แม้ในปัจจุบันข้าราชบริพาร ที่ทำงานในพระบรมมหาราชวัง
ก็ยังตั้งวงเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกกันอยู่
หลังพระอาทิตย์ตกดินจะไม่มีใครอยู่ทำงาน
ขนาดมีงานพระราชพิธีเปิดไฟสว่าง
คนเยอะก็ยังไม่กล้าเดินคนเดียว
พวกรุ่นพี่จะบอกรุ่นน้องที่มาทำงานใหม่เสมอๆ ว่า

"เลิกงานแล้วกลับบ้านเลยนะ ใครอยู่ดึกรับรองเจอดีแน่!"

จากที่เคยเดินเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังไปกันเป็นหมู่คณะ
ไม่ต้องรออาทิตย์ตกดินก็เสียงสันหลังได้ ?!?!

เรื่องมีอยู่ว่า สำนักพระราชวังมีที่พักไม่พอให้ข้าราชการที่บ้านอยู่ไกลได้พัก
จึงต้องจัดให้พักตามหมู่พระตำหนักและเรือนเก่า
ของเหล่าบรรดาพระสนม เจ้าจอมมารดา หรือเจ้าจอมในเขตพระราชฐานชั้นใน

ข้าราชการคนหนึ่งได้พักในพระตำหนักพระองค์เจ้าประเวศวรสมัย
(พระราชธิดาในล้นเกล้า ร.5 กับเจ้าจอมมารดาทับทิมฯ)
เป็นพระตำหนักแบบตะวันตกรูปตัวยู ก่ออิฐปูนถึง 2 ชั้น

คืนแรกไปนอน อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่ด้วย
เหมือนมีคนเดินผ่าน
บางทีก็นอนตกเตียงเพราะมีมือดีมาดึง ก็เลยอยู่ไม่ไหว
ด้วยเกรงในพระเดชานุภาพในพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เคยสิ้นพระชนม์ในพระตำหนักนี้
จึงขอขมาลาโทษ และลงมานอนข้างล่างหรือห้องนั่งเล่น
ถึงพอจะนอนหลับได้ โดยไม่มีอะไรรบกวนรุนแรงอีก

อีกเหตุการณ์หนึ่ง
ข้าราชสำนักเจอดีที่หน้าเรือนของ เจ้าจอมก๊ก อ.
ซึ่งเจ้าจอมก๊ก อ. นี้เป็นเหล่าธิดาของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) เจ้าเมืองเพชรบุรี กับท่านผู้หญิงอู่ บุนนาค
โดย เป็นพี่น้องกัน 5 คน ได้แก่ เจ้าจอมมารดาอ่อน, เจ้าจอมมารดาเอี่ยม, เจ้าจอมเอิบ, เจ้าจอมอาบ และเจ้าจอมเอื้อน แห่งราชินิกุล "บุนนาค"

เรือนของเจ้าจอมมารดาทั้ง 5 อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน
ตัวเรือนใช้โครงสร้างเป็นไม้ทั้งหลัง
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงสี่ชั้น ประตูทางเข้าอยู่ทิศเหนือ ทำเป็นรูปครึ่งวงกลม
มีหน้าต่างเจาะเป็นรูปโค้งอยู่ตรงกันทุกชั้น
ด้านหน้าชั้นที่สองและชั้นที่สามทำเป็นเฉลียง
ส่วนชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า
ชั้นล่างเป็นที่อยู่ของข้าราชบริพาร
ส่วนชั้นที่สองเป็นที่อยู่ของเจ้าจอมมารดาทั้งหลาย และไว้ใช้รับแขก

เรือนหลังนี้มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่ง ขณะที่ว่างจากงานในหน้าที่
ข้าราชการฝ่ายในกลุ่มหนึ่งเห็นว่าสถานที่หน้าเรือนเจ้าจอมก๊ก อ. เงียบสงบ
เลยชวนกันมานั่งเล่นพักผ่อนกันในบริเวณสนามหญ้า
ขณะกำลังคุยกันออกรส เสียงหัวเราะอาจจะดังไปหน่อย
จู่ๆ มีน้ำมาจากไหนไม่รู้ เหมือนใครเทราดสาดลงมาจากข้างบน
เสียงคุยเฮฮาเมื่อครู่เงียบกริบ... ?!?!?

เนื้อตัวเปียกปอนกันหมด
แหงนดูข้างบนก็ไม่มีใคร
เพราะเรือนนี้ถูกปล่อยร้างไม่มีใครอยู่มานานแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าประหลาด
จับมือใครดมก็ไม่ได้ และเชื่อกันว่าเจ้าของผลงานนี้ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น